HOME CAFE 1 ชั้น @อ.เมือง จ.อุดรธานี
เจ้าของโครงการ: คุณต้อม & คุณริกกี้
ออกแบบ Architecture : Apiwat Haton
ก่อสร้างโดย: Function Design
รูปงานออกแบบสามมิติที่นำเสนอลูกค้า
วางผังบริเวณที่หน้างาน
ใบตรวจสอบ งานแต่ละประเภท
ขั้นตอนระหว่างดำเนินการติดตั้งเสาเข็มเจอะ
งานฐานรากมั่นใจ ต้องมั่นใจตั้งแต่เสาเข็ม
1.ตรวจสอบเหล็กปลอกและระยะหุ้มคอนกรีตอย่างละเอียด
2.ใช้เสาเข็มเจาะระบบแห้ง (Dry Process) ลดผลกระทบต่อพื้นที่ข้างเคียง
3.ตรวจสอบแนวศูนย์กลางและระดับความลึกของเสาเข็ม
4.วัดค่าสลัฟ (Slump Test) ควบคุมคุณภาพคอนกรีตสดก่อนเท
5.มี Checklist ทุกขั้นตอน พร้อมภาพถ่ายประกอบงานจริง
ภาพชุดนี้คือกระบวนการ เปลี่ยนเสาเข็มที่ซ่อนอยู่ในดิน ให้กลายเป็นฐานรากที่แข็งแรงของบ้านทั้งหลัง
การตัดหัวเสาเข็มจึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่รับประกันได้ว่า บ้านจะถ่ายน้ำหนักลงสู่ดินอย่างมั่นคงปลอดภัย
จากภาพจะเห็นว่าใช้แบคโฮขุดดินลงไปจนถึงระดับหัวเสาเข็ม (ภาพที่มีรถแบคโฮ
และภาพที่เห็นหัวเสาเข็มโผล่เป็นแท่งคอนกรีต)
จุดประสงค์คือเพื่อให้เข้าถึงหัวเสาเข็มได้สะดวก และเตรียมพื้นที่สำหรับฐานราก (Footing)
หลังจากขุดเสร็จ เราจะเห็นเสาเข็มคอนกรีตโผล่ขึ้นมา (หลายต้นตามแนวที่ออกแบบไว้)
ช่วงหัวเสาเข็มที่เห็นนี้ มักจะมีดิน น้ำ หรือคอนกรีตที่ไม่สมบูรณ์เจือปนอยู่
ใช้เครื่องสกัดคอนกรีต (เช่น Air Hammer) ค่อย ๆ สกัดหัวเสาเข็มออก
จากภาพบางต้นถูกสกัดแล้ว จะเห็นหิน กรวด และเหล็กเสริม (Rebar) โผล่ออกมา
ตรงนี้คือการ “เปิดหัวใจของเสาเข็ม” เอาส่วนที่ไม่แข็งแรงออกไป
จะเห็นเหล็กเส้นกลมที่โผล่ขึ้นมาเป็นวงกลม (Rebar)
เหล็กนี้คือโครงเสริมแรงของเสาเข็ม ซึ่งจะถูกผูกเชื่อมต่อกับฐานราก
วิศวกรต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าเหล็กอยู่ครบ ไม่หักงอ และยึดแน่น
เก็บเศษคอนกรีตและดินรอบ ๆ หัวเสาเข็มออกให้หมด
ผิวหน้าที่สกัดต้องแข็งแรงและสะอาด เพื่อรอเทคอนกรีตฐานรากมาประสานกันอย่างแนบแน่น
หลังจากตัดหัวเสาเข็มเสร็จ ทุกต้นจะอยู่ในระดับที่วิศวกรกำหนด (Cut-off Level)
จากนั้นทีมงานก็จะเริ่มงานผูกเหล็กฐานรากและเตรียมเทคอนกรีตต่อไป
วิศวกรกำลังตรวจเช็ค แบบแปลนฐานรากและตำแหน่งเสาเข็ม/ฐานราก (Pile & Footing Layout)
ตรวจสอบตำแหน่งฐานราก (Footing Position)
ในแบบจะมีจุด F1/C1, F2/C2 ฯลฯ ที่ระบุพิกัดของฐานรากและเสา
วิศวกรจะเช็คว่าตำแหน่งที่ขุดและเสาเข็มที่ตอกจริงตรงตามแบบหรือไม่
เช็คจำนวนและขนาดเสาเข็ม
สัญลักษณ์วงกลมที่เขียนในแบบ และตัวเลขกำกับ (เส้นผ่านศูนย์กลางเป็นเซนติเมตร)
ตรวจสอบการแก้ไข/โน้ตหน้างาน
เห็นว่ามีการขีดวงกลม เช็ค ✔ และเขียนตัวเลขเพิ่ม ซึ่งคือการบันทึกข้อมูลจริงหน้างาน เช่น ระยะวัดจริง, น้ำหนักที่ออกแบบ, หรือการเสริมฐานราก
ควบคุมคุณภาพก่อนเทคอนกรีตฐานราก
ถ้าพบว่ามีเสาเข็มบางต้นเอียง หรือจำนวนไม่ตรงตามแบบ วิศวกรจะพิจารณาเสริมเข็มเพิ่ม หรือปรับขนาดฐานรากให้เหมาะสม
ภาพนี้คือ ลูกปูน (Concrete Spacer) ที่ใช้ในงานก่อสร้างครับ
🔎 หน้าที่ของลูกปูน
ใช้รองเหล็กเสริม เพื่อกำหนด ระยะหุ้มคอนกรีต (Concrete Cover) ให้ได้ตามแบบ
ช่วยป้องกันไม่ให้เหล็กเสริมสัมผัสดินหรืออากาศโดยตรง ลดปัญหาการเกิดสนิม
ทำให้เหล็กเสริมอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องและมั่นคง เวลาที่เทคอนกรีต
📸 อธิบายภาพ
ในภาพคือ แม่พิมพ์ลูกปูนสำเร็จรูป หล่อเป็นแท่งเล็ก ๆ มีเหล็กลวดโผล่ขึ้นมา ใช้ผูกกับเหล็กเสริมก่อนการเทคอนกรีต เพื่อให้เหล็กอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องตลอดการทำงานครับ
คนงานทำการผูกเหล็กเสริมเป็นตะแกรง (Rebar Cage) แล้ววางลงในหลุมฐานราก
ด้านข้างใช้ไม้แบบเหล็ก (Formwork) ประกอบเป็นกล่องเพื่อกำหนดรูปร่างฐานราก
จุดนี้สำคัญเพราะเหล็กเสริมช่วยให้คอนกรีตรับแรงดึงได้ ส่วนแบบหล่อช่วยให้คอนกรีตรับแรงอัดในรูปทรงที่ถูกต้อง
รถปูน (Concrete Mixer Truck) จ่ายคอนกรีตลงไปในหลุมผ่านท่อลำเลียงหรือราง (ภาพที่เห็นรางสีฟ้าและปูนกำลังไหล)
คนงานจะคอยเกลี่ยคอนกรีตให้กระจายทั่วถึง ไม่ให้เกิดโพรงอากาศ
จะเห็นในภาพมีการใช้ เครื่องสั่นเข็ม (Vibrator) จุ่มลงในคอนกรีต
จุดประสงค์คือเพื่อไล่อากาศออก ทำให้เนื้อปูนแน่น เพิ่มความแข็งแรง ลดโอกาสเกิดโพรงรังผึ้ง (Honeycomb)
เหล็กเสาที่ต่อขึ้นจากฐานรากต้องตั้งตรงในตำแหน่งที่ถูกต้อง เพื่อเตรียมรับน้ำหนักโครงสร้างด้านบน
วิศวกรและคนงานจะคอยเช็คแนวดิ่งด้วยลูกดิ่งหรือระดับน้ำ
เมื่อคอนกรีตเริ่มเซ็ตตัว จะเห็นเป็นแผ่นเรียบ ๆ ที่ปิดหัวเสาเข็มและยึดเหล็กเสาไว้
นี่คือจุดที่โครงสร้างบ้านเริ่ม “มีรากฐาน” ที่เชื่อมต่อระหว่างเสาเข็มในดินและเสาตัวบ้านด้านบน
การบ่มคอนกรีต (Concrete Curing)
เพิ่มกำลังอัด (Compressive Strength)
คอนกรีตต้องการความชื้นอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ปฏิกิริยาไฮเดรชัน (Hydration) ของปูนซีเมนต์ดำเนินไปเต็มที่
ถ้าไม่บ่ม น้ำในคอนกรีตระเหยเร็วเกินไป กำลังอัดจะไม่ถึงค่าที่ออกแบบ ทำให้โครงสร้างอ่อนแรงและเสี่ยงต่อการแตกร้าว
ลดการแตกร้าว (Cracking)
คอนกรีตที่แห้งเร็วเกินไปจะหดตัว (Shrinkage) จนเกิดรอยร้าว
การบ่มช่วยควบคุมความชื้น ลดการแตกร้าวในระยะต้น ซึ่งสำคัญมากกับฐานรากที่ต้องรับน้ำหนักต่อเนื่อง
เพิ่มความทนทาน (Durability)
คอนกรีตที่บ่มดี จะมีเนื้อแน่นและทนต่อสภาพแวดล้อม เช่น ความชื้นในดิน น้ำใต้ดิน และสารเคมีต่าง ๆ
ลดความเสี่ยงการซึมผ่านของน้ำที่จะทำให้เหล็กเสริมภายในเกิดสนิม
ควบคุมอุณหภูมิและความชื้น
โดยเฉพาะในช่วง 7 วันแรก คอนกรีตไวต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและการสูญเสียน้ำ
ถ้าอากาศร้อนและแห้ง คอนกรีตจะเสียความชื้นเร็วมาก จึงต้องบ่มด้วยน้ำหรือวัสดุปิดคลุม
ยืดอายุการใช้งานโครงสร้าง
คอนกรีตที่ผ่านการบ่มอย่างถูกวิธีจะได้ความแข็งแรงเต็มที่ และมีอายุการใช้งานยาวนาน ลดปัญหาซ่อมบำรุงในอนาคต
ขั้นตอนการเข้าแบบเตรียมเทตอม่อ
เคลียร์ฐานราก
ปั๊มน้ำ/โกยเลนบนหัวฐานให้สะอาด แห้งพอประมาณ
ขัดผิวหัวฐานให้หยาบ–สะอาด (ปัดฝุ่น โคลน เศษปูน) เพื่อยึดเกาะกับคอนกรีตตอม่อ
ตรวจเหล็กเสริม
เช็กระยะต่อทาบ/แนวตั้งฉากของเหล็กหลักและปลอก (ช่วง 2–3 ปลอกแรกเหนือหัวฐานให้ถี่กว่าปกติ กันรอยร้าวเฉือน)
มัดลวดให้แน่น ไม่ให้ปลายลวดทิ่มแบบ
ใส่ “ลูกปูนคอนกรีต” (Concrete spacers)
ผูกลูกปูนรอบกรงเหล็กให้ครบทุกมุม/ทุกด้าน เพื่อคุม Cover ให้สม่ำเสมอ
ค่าทั่วไป: ส่วนใต้ดินใช้ ~40 มม., เหนือดิน ~25–30 มม. (ยึดตามแบบโครงสร้างเป็นหลัก)
ตั้งศูนย์ตอม่อ
ดึงเชือกแนวจากผังอาคาร ตัดกันบนหัวฐาน → ทำเครื่องหมาย “กึ่งกลางตอม่อ”
ใช้ตลับเมตรวัดระยะร่นจากขอบหัวฐานให้ได้หน้าตัดตามแบบ (เช่น 25×25, 30×30 ซม.)
เตรียมแบบหล่อ
ทำความสะอาดแผงแบบเหล็ก/ไม้ อุดรู–รอยต่อที่เสี่ยง “น้ำปูนรั่ว” (เทปผ้า โฟมเส้น/ซิลิโคน)
ทา น้ำยาถอดแบบ ให้ครบทุกชิ้นด้านที่สัมผัสคอนกรีต
ประกอบแบบเข้าที่
ยกประกอบแผงแบบทีละด้านให้อยู่กลางศูนย์ที่ตั้งไว้ ขันน็อต–สลักให้ครบ
ใส่ค้ำยัน/สตัดล็อก 4 ทิศ ให้แบบ “ไม่บิด–ไม่บวม” ตอนสั่นคอนกรีต
จัดระดับ–ดิ่ง
ใช้ลูกดิ่ง/เลเซอร์/ระดับน้ำ ตรวจ ดิ่ง ของแบบ และ ระดับท็อปตอม่อ ให้ได้ตามแบบ
ชิมด้วยแผ่นไม้/เหล็กแผ่นบางที่ฐานแบบเพื่อเก็บระดับละเอียด
กันน้ำ–สิ่งสกปรกเข้ารูปแบบ
ปิดฝา/ปากแบบด้านล่างให้แน่น ไม่ให้น้ำเลนไหลเข้า
รื้อเศษใบไม้–ดินที่ตกค้างในแบบ (ดูจากภาพในแบบยังสะอาดดี)
ตรวจความพร้อมก่อนเท
จุดตรวจหลัก: ขนาดหน้าตัด, ศูนย์/แนว, ระยะ Cover, ความแน่นของน็อต–ค้ำยัน, ความสะอาดในแบบ, ทางเดินสั่นเข็ม
ที่รอยต่อ หัวฐาน–ตอม่อ ให้ราด “สเลอรี่ปูนซีเมนต์” บาง ๆ ทันทีหน้าจะเท เพื่อเพิ่มการยึดเกาะ
เตรียมเข็มสั่น, ไม้กระทุ้ง, ทางเท และช่องระบายอากาศด้านบน
เมื่อทุกอย่างผ่านเช็กลิสต์นี้แล้ว จึงเริ่ม เทเป็นชั้น ๆ (Lift 30–40 ซม.) พร้อมสั่นเข็มทุกชั้น จนเต็มแบบ แล้วเก็บหัวตอม่อตามระดับ
ความสำคัญของการเข้าแบบตอม่อ คือ ควบคุมขนาด รูปทรง และแนวดิ่งของตอม่อให้ได้ตามแบบ
พร้อมทั้ง รักษาระยะ Cover เหล็กเสริม ป้องกันน้ำปูนรั่ว และช่วยให้คอนกรีตอัดแน่นแข็งแรง
ซึ่งทั้งหมดนี้มีผลโดยตรงต่อ ความมั่นคง แข็งแรง และอายุการใช้งานของโครงสร้าง
อัพเดทเมื่อวันที่ 20.08.2568